Skip to content
Home » 15 นาที เข้าใจ Zen ในแบบฉบับ อ.ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ | zen คือ | คอลเลกชัน เคล็ดลับ มีประโยชน์ที่สุด

15 นาที เข้าใจ Zen ในแบบฉบับ อ.ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ | zen คือ | คอลเลกชัน เคล็ดลับ มีประโยชน์ที่สุด

15 นาที เข้าใจ Zen ในแบบฉบับ อ.ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ | zen คือ.

[button color=”primary” size=”small” link=”#” icon=”” target=”false” nofollow=”false”]ชมวิดีโอด้านล่าง[/button]

สามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมได้ที่นี่: ดูที่นี่

รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา 15 นาที เข้าใจ Zen ในแบบฉบับ อ.ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ.

15 นาที เข้าใจ Zen ในแบบฉบับ อ.ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ

15 นาที เข้าใจ Zen ในแบบฉบับ อ.ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ zen คือ.

ใช้เวลาเพียง 15 นาที ในการฟังคำอธิบายธรรมในแนวเซน ที่เกี่ยวกับการฝึกสมาธิและอานาปานสติ อาจารย์วรภัทร ภูเจริญ ..

>>Brokengroundgame เราหวังว่าข้อมูลนี้จะมีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับคุณ ขอบคุณมากที่รับชม.

เนื้อหาเกี่ยวข้องกับบทความzen คือ.

#นาท #เขาใจ #Zen #ในแบบฉบบ #อดรวรภทร #ภเจรญ

Zen,ปฏิจจสมุปบาท,อานาปานสติ,วรภัทร์ ภู่เจริญ

15 นาที เข้าใจ Zen ในแบบฉบับ อ.ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ

zen คือ.

หวังว่า ความรู้ ในหัวข้อ zen คือ นี้จะ นำความรู้ มาสู่คุณ ขอแสดงความนับถือ.

19 thoughts on “15 นาที เข้าใจ Zen ในแบบฉบับ อ.ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ | zen คือ | คอลเลกชัน เคล็ดลับ มีประโยชน์ที่สุด”

  1. ไปซื้อของเจ้าของไม่ให้ เซ็น ยังบอกว่า.โง่ ตีไป3ที บรรลุเลย

  2. อยากบรรลุเซน…เดินห้างเซน.กินอาหารอย้าจ่ายเงินแต่ให้เซนไว้ถึงบรรลุ

  3. เจอเยอะ แม่ชี สอนโยมแจ่วๆ แต่ โรงครัวแบ่งแยก เป็นฝ่าย

  4. คือความรู้ผมน้อย สมการไรพวกนนี้ งง หมด แต่ ผมเข้าใจว่า เซ็น คือ ว่างเปล่า ไม่มีตัวตน ไม่ปรุงแต่ง

  5. พระพุทธเจ้าต้องการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เขาจึง…1 ไม่สนใจใน ลาภ ยศ สรรเสริญ ที่มีและพึงจะได้รับ…2 ออกบวช เพราะคิดว่า ต้องเป็นนักบวชจึงสามารถหลุดพ้นฯ ได้ …ความจริงแค่ลดวรรณะเป็นสามัญชน ก้อเพียงพอแล้ว เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการหลุดพ้นฯ คือการไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆที่มีในโลกนี้ และพวกไม่เป็นนักบวช เช่น Krishna, Moses, พระเยซู เจ้าแม่กวนอิม Milarepa, Kabir, Mataji Nirmala Devi, มิตร ชัยบัญชา ฯลฯ ก็หลุดพ้นฯได้ โดยที่ไม่ต้องบำเพ็ญบุญสร้างบารมี ๒๐ อสงไขย กับอีกแสนมหากัป อย่างที่โล้น 18 มงกุฏหลอกใหัเชื่อ แล้วมีใครบวชเป็นพันเป็นหมื่นชาติหรือยัง? ถ้าไม่มีแสดงว่าไม่มีโล้นขอทานได้หลุดพ้นฯสักตัว …ดังนั้นพวกที่ต้องบวชเพราะอยากหนีปัญหาชีวิต เช่น…1 โล้นกำพร้า โดนพ่อแม่ทื้งตั้งแต่เด็ก มีทุกวัด สุมหัวกันเป็นใหญ่ โดยจัดตั้ง มหาขอทานสมาคม …2 โล้นตกงาน พบได้ทุกวัด เรียนจบมาหลายปี หางานทำไม่ได้ เช่น ธัมมี่ เหล่าสมุน และเดนคุก…3 โล้นกะเทย พบมากทางเหนือ เดิมอยากเป็นดารา นักร้อง แต่ติดที่รูปร่างหน้าตา ความสามารถ เลยหันตูดเข้าวัดดีกว่า…4 โล้นไส้แห้ง ครอบครัวยากจน หนักไม่เอา เบาสู้ พบได้ทุกวัด เช่น เณรคำ เณรแอ นิกร ยันตระ อิสระมุนี ภาวนาพุทโธ ปองคาเฟ่ ฯลฯ…5 ชีเซ็กส์จัด ต้องหลบเข้าวัด เพราะปัญหาอกหัก รักคุด พวกนี้เก่งในการชื่อมโยงทุกปัญหาชีวิต เข้าเรื่องใต้สะดือได้หมด เช่น ชีหัวขวด …ซากเดนพวกนี้ ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นฯได้ เพราะไม่มีคุณสมบัติข้อ 1 อย่างพระพุทธเจ้า แค่เทวดายังไม่มีสิทธิ์ได้เป็น แต่ชอบวางมาด ให้พวกบัวใต้น้ำ มโนว่า มันจะได้เป็นเทพแบบศาสดา ผ่านมาเกือบ 2600 ปี ไม่มีโล้นตัวไหน ได้เป็นเทพนั่งบนดอกบัว มีไม่กี่ตัวได้เป็นเทวะยืนบนดอกบัวเล็กๆ ….แค่มาบวชก้อแปรสภาพจากเดนคน มาวางมาดว่าจะได้หลุดพ้นฯ ให้พวกบัวใต้น้ำแข่งกันเอาข้าวของ เงินทอง มากราบไหว้ บอกทำแล้วเห็นผลชาติหน้า มันก็จะรอ บอกว่าชาตินี้ต้องชดใช้กรรมจากชาติก่อน จึงจะเห็นผลบุญ มันก็เชื่อ แล้วทำไมยังต้องลงนรกไปชดใช้กรรมอีกละ? อย่างนี้พวกทำบุญแล้วยังไม่เห็นผล ก้อคือพวกที่ผ่านนรกมาแล้วทั้งนั้น แล้วพวกเดนคนที่บวชเพื่อหนีปัญหาชีวิต ไม่ใช่พวกเวรกรรมจากชาติก่อน ที่ผ่านนรกมาแล้วเหรอ? ….การทำบุญที่แท้จริงคือ การช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ยากเดือดร้อน ไม่ใช่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ การสร้างหรือเดินรอบ สถานศักดิ์สิทธ์ที่ตนนับถือ… Moses Jesus Quanyin, Milarepa, Kabir, Mataji ไม่ใช่นักบวช ไม่หมกมุ่นสร้างเทวสถาน เทวรูป ให้ใคร แต่พวกท่านได้เป็นเทพเทวะ เพราะการช่วยเหลือผู้อื่น อดีตชาติของพระพุทธเจ้า ก้อไม่ปรากฏว่าเคยสร้างเทวรูป เทวสถาน ท่านได้เกิดในวรรณะกษัตย์ เพราะชาติก่อนได้ให้ทานแก่ผู้อื่นจนหมดตัว …หลักธรรมของพระพุทธเจ้าจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือให้พวกโล้นขอทานได้อวดอ้าง เพื่อเรียกร้องทรัพย์สินเงินทอง จากพวกบัวใต้น้ำที่ว่านอนสอนง่าย คิดหาเหตุผล และวิเคราะห์คนไม่เป็น แค่ย้อนถามว่า ที่สอนอย่างนั้นอย่างนี้ พวกมันเองทำหรือเปล่า? เช่น การสำนึกบุญคุณ แต่ไม่เคยกราบไหว้ผูัมีพระคุณ เพราะหลงอัตตาตนเอง..ฆ่าสัตว์เป็นบาป แต่กินได้ ..โกหกเป็นบาป แต่อวดอุตริได้..สอนให้เสียสละ แต่แย่งที่นั่งบนรถแบบหน้าด้านๆ ..สอนว่าคนดีดูที่การกระทำ แต่เวลาเลือกตัวนำ ดูว่าใครโล้นนานกว่า..สอนให้ลดกิเลส แต่ชวนคนเข้าวัดว่า เงินทองจะไหลมาเทมา..สอนว่าโกรธคือโง่โมโหคือบ้า พอโดนตุ๋นที่ดิน กลายเป็นแค้นฝังโล้น อาฆาตหน่วยงานรัฐ ..สอนให้เลิกอบายมุข แต่เล่นพนันตัวเลฃทุกงวด อ้างว่าสงสารคนขาย พอถูกรางวัล ไม่เคยสงสารคนจน ..สอนให้หากินโดยสุจริต แต่เวลาเอาเงินไปให้ ไม่เคยสนใจว่าได้เงินมาอย่างไร? ยินดีรับเงินสกปรกทุกชนิด ฯลฯ เรียกว่าทั้งหลอกแดก หลอกกราบได้ตามใจอยาก…หมาไม่ได้รับการศึกษา แต่รู้บุญคุณคนเลี้ยงดูมัน การให้อาหารหมาจึงได้บุญมากกว่าการให้อาหารคนมีการศึกษา แต่ไม่รู้บุุญคุณคนอื่น …โล้นที่หากินกับธรรมะไม่ได้ ก็หันมาเอาดีทางไสยศาสตร์ ซึ่งทำเงินได้มากกว่า บางตัวชอบหลอกเขกกบาลพวกบ้าของขลัง โดยไม่มีพลังในมือ ถ้ามี ทำไมต้องทำพิธี ไม่ปลุกเสกของขลังด้วยมือตัวเอง? กรรมเลยตามสนอง ตายอย่างทรมาน ..ทั้งหมดล้วนมีสาเหตุมาจากการศึกษาห่วยแตก ที่ให้พวกไอคิว 100 ออกแบบหลักสูตรให้ไม่รู้จักคิดกันทั้งประเทศ

  6. กราบเท้าพ่อแม่ก่อนจะบวชทำให้ใจยอมต่อท่าน ภาวนาเห็นผลเร็วมากคับไม่ยากด้วย แต่ก่อนหน้านั้นก้อได้นะคับแต่ยากมากและช้าด้วย สาธุๆๆ

  7. https://www.youtube.com/watch?v=q6BEAyjW0_c
    ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ เซนด้วยศิลปะ เราถูกฝึกมาให้เห็นความตายเป็นเรื่องน่ากลัว ดูลมหายใจทุกนาที ทุกอย่างเป็นเครื่องมือปฏิบัติ

  8. เรื่อง "เซน"
    บรรยายธรรมโดย จิรวฑฺฒโน ภิกขุ
    หลวงพี่ก็เคยศึกษาหาความรู้มาบ้างเหมือนกัน
    เช่น.

    1 เรื่อง การปล่อยวางอย่าง "เซน"

    ความยึดมั่นถือมั่น เป็นโซ่ตรวนเส้นสำคัญที่ผูกพันพวกเราไว้ในวังวนแห่งวัฏสงสาร พระศาสดาเท่านั้นที่หักโซ่ตรวนเหล่านี้เสียได้ และพยายามสั่งสอนให้เราปฏิบัติตาม ทำลายโซ่ตรวนอันไร้สาระนี้เสีย

    การเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในศีลต่างกับผู้ที่ยึดมั่นในศีล การเป็นผู้ปฏิบัติดีต่างกับผู้ยึดมั่นในความดี
    ต้องแยกให้ออก มิฉะนั้นจะเป็นทุกข์โดยไม่จำเป็น (คนมีศีลไม่เป็นทุกข์ แต่คนยึดมั่นในศีลจะต้องเป็นทุกข์เดือดร้อนใจอยู่เสมอในเรื่องที่เกี่ยวกับศีล ฯลฯ) ยึดมั่นคราใด เป็นทุกข์ครานั้น

    *********************************************
    ครั้งหนึ่งพระภิกษุทันซันและเอกิโด ร่วมเดินทางไปตามถนนซึ่งเป็นโคลนตมสายหนึ่ง ขณะนั้นฝนกำลังตกหนักจึงทำให้มีน้ำเจิ่งไปทั่วถนน เมื่อทั่งสององค์เดินมาถึงหัวโค้งถนน ก็พบหญิงสาวสวยคนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อกิโมโนไหมที่มีสายคาดเป็นแพรเนื้อดี เธอไม่อาจเดินข้ามห้วงน้ำที่กำลังเจิ่งถนนตอนนั้นได้ (เพราะเกรงว่าเสื้ออันสวยงามของเธอจะเปียกเปื้อน) ทันใดนั้น พระภิกษุทันซันได้เดินเข้าไปหาหญิงสาวผู้นั้นและกล่าวว่า "มานี่ซิเธอ ฉันจะช่วย" ว่าแล้วก็อุ้มหญิงสาวบุกข้ามห้วงน้ำนั้นไป

    พระภิกษุเอกิโด ได้มองดูการกระทำของเพื่อนร่วมทางอย่างเงียบๆ และมิได้ปริปากพูดอะไรขึ้นอีกเลย ทั้งสองรูปเดินทางต่อไปจนค่ำ และเข้าอาศัยพักอยู่ในวัดแห่งหนึ่ง เมื่อต่างองค์ได้จัดที่ทางเรียบร้อยแล้ว เอกิโดจึงได้กล่าวขึ้น ด้วยอดรนทนไม่ได้อีกต่อไปว่า "นี่แน่ะท่าน ในฐานะที่เราเป็นสมณะ ไม่ควรบังอาจเข้าไปใกล้สตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่สาวและสวย เพราะมันเป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์อย่างร้ายกาจ เมื่อกลางวันนี้ทำไมท่านจึงเข้าไปอุ้มหญิงสาวผู้นั้น" "ผมวางเธอไว้ที่นั่นตั้งแต่กลางวันนั้นแล้ว" พระภิกษุทันซันตอบ "ท่านยังอุ้มเธออยู่อีกหรือ"

    2 เรื่อง ผู้ใดพบเหลี่ยมของวงกลม ผู้นั้นค้นพบ พระนิพพาน

    เพราะเซนเป็นเรื่องของการปฏิบัติธรรมเพื่อค้นพบพระนิพพาน แบบไม่ยึดติดกฎเกณฑ์ใดๆ จึงมีผู้ค้นพบเส้นทางสู่พระนิพพานที่แตกต่างกันออกไป พอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ เช่น.

    บางคนก็เชื่อว่า เหลี่ยมของวงกลม เซน คือ วัฎจักรการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
    เมื่อเรากำหนดจุดว่า จุดนี้..ไม่เกิด จุดนี้..ไม่แก่ จุดนี้..ไม่เจ็บ จุดนี้..ไม่ตาย
    พอเราลากเส้นประ จากจุดเหล่านี้ ทีละจุด มาหาขอบของวงกลมทั้งสองด้าน
    เราก็จะพบว่า เหลี่ยมของวงกลม เป็นรูปสามเหลี่ยม ่

    พระฝ่ายหนึ่ง (น่าจะเป็น พระฝ่ายเถรวาท)
    เชื่อว่า เหลี่ยมของวงกลม เป็นจุดตรงกลางของวงกลม "เซน"
    จุดเดียวกัน เป็นทั้ง ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย คือ พระนิพพาน
    ที่ว่างเปล่าดับสูญ ไม่มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณแล้ว

    ส่วนพระอีกฝ่ายหนึ่ง (น่าจะเป็น พระฝ่ายมหายาน)
    ก็เชื่อว่า เหลี่ยมของวงกลม เป็นจุด นอกวงกลม มีทั้งหมด 4 จุด
    เป็นวัฎจักร ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย คือ พระนิพพาน
    เขาเชื่อว่า พระยูไล บรรลุพระนิพพานแล้ว แต่ยังคงอยู่ใน
    วัฎจักรของวงกลมเหนือเราที่ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
    คอยให้ความช่วยเหลือมวลมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย

    บางคนก็เชื่อว่า เหลี่ยมของวงกลม เซน คือ รอยแตกของสี
    ตรงปลายพู่กัน คล้ายที่ อ.ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ อธิบายนี่แหล่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *