คุณกำลังพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อการหาเงินออนไลน์หรือไม่? คุณกำลังมองหาหัวข้อที่เหมาะสม คาบ ม.4 การเขียน 19/7/2564 #การเขียนจดหมายกิจเฉพาะ #จดหมายธุรกิจ หรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้นโปรดอ่านบทความนี้ทันที.
Table of Contents
คาบ ม.4 การเขียน 19/7/2564 #การเขียนจดหมายกิจเฉพาะ #จดหมายธุรกิจ | จดหมาย เสนอ ขาย สินค้า.
[button color=”primary” size=”small” link=”#” icon=”” target=”false” nofollow=”true”]ดูวิดีโอโดยละเอียดด้านล่าง[/button]
รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ จดหมาย เสนอ ขาย สินค้า.
คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การเขียนโปรแกรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง ง่ายที่สุด ที่นี่: ดูที่นี่.
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ จดหมาย เสนอ ขาย สินค้า.
การเขียนจดหมายธุรกิจเนื้อหาเรืองแสง นักเรียนทุกคนที่ไม่ได้เข้าร่วมและไม่เปิดกล้องขณะเรียน ตอบคำถามต่อไปนี้ในความคิดเห็น youtube เพื่อตรวจสอบย้อนหลัง: 1. อธิบายความหมายของจดหมาย 2. จดหมายธุรกิจมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคุณอย่างไร? 3. อธิบายส่วนสำคัญของการเขียนจดหมายธุรกิจ มันคืออะไรและจะเขียนอย่างไร?.
เรา หวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะมีคุณค่ามากสำหรับคุณ. ขอแสดงความนับถือ.
การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อคาบ ม.4 การเขียน 19/7/2564 #การเขียนจดหมายกิจเฉพาะ #จดหมายธุรกิจ.
จดหมาย เสนอ ขาย สินค้า
การเขียนจดหมายกิจเฉพาะ,การเขียนจดหมายธุรกิจ
#คาบ #ม4 #การเขยน #การเขยนจดหมายกจเฉพาะ #จดหมายธรกจ
คาบ ม.4 การเขียน 19/7/2564 #การเขียนจดหมายกิจเฉพาะ #จดหมายธุรกิจ
นาย บุษกล เอียดเจริญ
1.คือข้อความที่เขียนขึ้นเพื่อส่งสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง อาจมีความหมายรวมไปถึงกระดาษหรือสื่อที่ใช้เขียนหรือสร้างจดหมายนั้น
2. มีดังนี้
1. ด้านการประหยัด เป็นการประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อด้วยตนเอง
2. ด้านความสะดวกและรวดเร็ว เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ติดต่อ ในกรณีที่ผู้ที่ต้องการติดต่อธุรกิจด้วยมีงานมากหรืออยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง จึงไม่สะดวก ที่จะโทรศัพท์ติดต่อหรือขอเข้าพบด้วยตนเอง
3. ด้านการให้รายละเอียดข้อมูล เป็นการเอื้อต่อการสื่อข้อความ สามารถให้รายละเอียดข้อมูลได้มาก ชัดเจน และมีระบบ เพราะผู้เขียนมีเวลาเตรียมการเขียนก่อนลงมือเขียนอีกทั้งยังสามารถตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก่อนส่งไปยังผู้รับจดหมาย
4. ด้านการใช้เป็นหลักฐานในการอ้างอิง ค้นเรื่อง และที่สำคัญที่สุดคือเป็นหลักฐานทางกฎหมาย เนื่องจากเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน
5. ด้านการเป็นสื่อสัมพันธ์ที่ดีในการติดต่อธุรกิจ เป็นการส่งเสริมให้มีความสัมพันธ์ที่ดีและการติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ในการติดต่อธุรกิจซื้อขาย บางครั้งลูกค้า อาจขาดการติดต่อไป บริษัทจำเป็นต้องมีจดหมายไปถึงลูกค้าเพื่อขอทราบสาเหตุที่แท้จริงพร้อมทั้งแสดงความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาหรือเสนอบริการพิเศษต่าง ๆเพื่อจูงใจให้ลูกค้ากลับมาติดต่อสั่งซื้อสินค้าหรือบริการจากบริษัทอีก
3.มีดังนี้
1. ที่อยู่ผู้ส่ง ชื่อและที่ตั้งของบริษัท ห้างร้าน นิยมใช้กระดาษพิมพ์หัวจดหมายสําเร็จรูป
2. เลขที่จดหมาย โดยมากมักปรากฏในประเภทของจดหมายไทยแบบราชการ
3. วัน เดือน ปี ให้ระบุวันเดือนปีที่เขียนจดหมาย
4. ที่อยู่ผู้รับ ให้เขียนชื่อบริษัท ห้างร้าน พร้อมทั้งที่อยู่ของผู้รับ
5. เรื่อง ให้ระบุเรื่องหรือสาระสําคัญสั้น ๆ ของจดหมายฉบับนั้น
6. คําขึ้นต้น เป็นการทักทายเริ่มต้นจดหมาย จดหมายธุรกิจทั่วไปนิยมใช้ “เรียน”
7.เนื้อหา จะแบ่งเนื้อหาออกเป็นตอน ๆ เพื่อให้เข้าใจง่าย อาจมีมากกว่าหนึ่งย่อหน้าก็ได้
8.คำลงท้าย เป็นการอําลาผู้อ่าน โดยทั่วไปนิยมใช้คําว่า “ ขอแสดงความนับถือ
9. ลายมือชื่อ เป็นการลงลายมือชื่อเจ้าของจดหมาย
10. ชื่อเต็ม ให้ระบุชื่อเต็มของเจ้าของลายมือชื่อ ได้แก่ ชื่อ นามสกุลและคํานําหน้าบอกสถานภาพ ตลอดจนตําแหน่ง
11. ถึงที่ส่งมาด้วย เป็นส่วนที่ระบุชื่อสิ่งของหรือเอกสารที่ส่งไปพร้อมกับจดหมายฉบับนั้น
12. อักษรย่อชื่อผู้ลงนามและผู้พิมพ์ เป็นส่วนที่ระบุอักษรย่อชื่อและนามสกุลของผู้ลงนามและผู้พิมพ์นิยมใช้กับจดหมายธุรกิจแบบต่างประเทศ
วิธีการเขียนจดหมายธุรกิจ
ขั้นตอนก่อนการเขียน
1) พิจารณาดูว่าผู้รับเป็นใคร ตําแหน่งใด
2) กําหนดคําขึ้นต้น คําลงท้ายให้เหมาะสมกับผู้รับจดหมาย
๓3 กําหนดรูปแบบของจดหมายเสียก่อนว่าควรใช้ลักษณะอย่างไร ควรมีเนื้อความที่ตอนเนื้อความแต่ละตอนควรกล่าวถึงอะไรบ้าง
4) เตรียมการเขียนร่างข้อความลงในกระดาษก่อน
ขั้นตอนลงมือเขียน
1) เขียนตามรูปแบบที่เตรียมไว้ให้ครบถ้วนตามส่วนประกอบของจดหมาย
2) ระบุวัตถุประสงค์ลงไปให้ชัดเจนแน่นอน เช่น ขอสั่งซื้อสินค้า ขอชี้แจงหรือแจ้งข่าว
3) เลือกสรรถ้อยคําให้ตรงตามความหมายที่ต้องการ สะกดคําได้ถูกต้องตามอักขรวิธี ใช้ถ้อยคํา
สํานวนให้เหมาะสมแก่สถานภาพของผู้รับจดหมาย
4) เขียนสื่อสารกันให้ตรงประเด็นและได้สาระครบถ้วนความถูกต้องตามต้องการ
5) ใช้ข้อความปิดท้ายที่เหมาะสม ก่อให้เกิดความรู้สึกประทับใจ
6) ลงลายมือชื่อทุกครั้งที่จบจดหมาย พร้อมทั้งบอกตําแหน่งด้วย
ขั้นตอนหลังการเขียน
1) ควรตรวจทานจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วนั้นซ้ําอีกครั้งหนึ่งว่าไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ แล้ว
2) พิมพ์ข้อความจดหมายตามที่ร่างไว้ โดยคํานึงถึงความสะอาดเรียบร้อยและไม่ผิดพลาด
3) เลือกใช้ซองสีสุภาพหรือใช้ซองแบบหน้าต่างซึ่งดูสวยงามและประหยัดเวลาในการเขียนจ่าหน้าซองด้วย
นาย ปรเมษฐ์ อินทรสมบัติ
1.คือข้อความที่เขียนขึ้นเพื่อส่งสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง อาจมีความหมายรวมไปถึงกระดาษหรือสื่อที่ใช้เขียนหรือสร้างจดหมายนั้น
2. มีดังนี้
1. ด้านการประหยัด เป็นการประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อด้วยตนเอง
2. ด้านความสะดวกและรวดเร็ว เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ติดต่อ ในกรณีที่ผู้ที่ต้องการติดต่อธุรกิจด้วยมีงานมากหรืออยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง จึงไม่สะดวก ที่จะโทรศัพท์ติดต่อหรือขอเข้าพบด้วยตนเอง
3. ด้านการให้รายละเอียดข้อมูล เป็นการเอื้อต่อการสื่อข้อความ สามารถให้รายละเอียดข้อมูลได้มาก ชัดเจน และมีระบบ เพราะผู้เขียนมีเวลาเตรียมการเขียนก่อนลงมือเขียนอีกทั้งยังสามารถตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก่อนส่งไปยังผู้รับจดหมาย
4. ด้านการใช้เป็นหลักฐานในการอ้างอิง ค้นเรื่อง และที่สำคัญที่สุดคือเป็นหลักฐานทางกฎหมาย เนื่องจากเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน
5. ด้านการเป็นสื่อสัมพันธ์ที่ดีในการติดต่อธุรกิจ เป็นการส่งเสริมให้มีความสัมพันธ์ที่ดีและการติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ในการติดต่อธุรกิจซื้อขาย บางครั้งลูกค้า อาจขาดการติดต่อไป บริษัทจำเป็นต้องมีจดหมายไปถึงลูกค้าเพื่อขอทราบสาเหตุที่แท้จริงพร้อมทั้งแสดงความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาหรือเสนอบริการพิเศษต่าง ๆเพื่อจูงใจให้ลูกค้ากลับมาติดต่อสั่งซื้อสินค้าหรือบริการจากบริษัทอีก
3.มีดังนี้
1. ที่อยู่ผู้ส่ง ชื่อและที่ตั้งของบริษัท ห้างร้าน นิยมใช้กระดาษพิมพ์หัวจดหมายสําเร็จรูป
2. เลขที่จดหมาย โดยมากมักปรากฏในประเภทของจดหมายไทยแบบราชการ
3. วัน เดือน ปี ให้ระบุวันเดือนปีที่เขียนจดหมาย
4. ที่อยู่ผู้รับ ให้เขียนชื่อบริษัท ห้างร้าน พร้อมทั้งที่อยู่ของผู้รับ
5. เรื่อง ให้ระบุเรื่องหรือสาระสําคัญสั้น ๆ ของจดหมายฉบับนั้น
6. คําขึ้นต้น เป็นการทักทายเริ่มต้นจดหมาย จดหมายธุรกิจทั่วไปนิยมใช้ “เรียน”
7.เนื้อหา จะแบ่งเนื้อหาออกเป็นตอน ๆ เพื่อให้เข้าใจง่าย อาจมีมากกว่าหนึ่งย่อหน้าก็ได้
8.คำลงท้าย เป็นการอําลาผู้อ่าน โดยทั่วไปนิยมใช้คําว่า “ ขอแสดงความนับถือ
9. ลายมือชื่อ เป็นการลงลายมือชื่อเจ้าของจดหมาย
10. ชื่อเต็ม ให้ระบุชื่อเต็มของเจ้าของลายมือชื่อ ได้แก่ ชื่อ นามสกุลและคํานําหน้าบอกสถานภาพ ตลอดจนตําแหน่ง
11. ถึงที่ส่งมาด้วย เป็นส่วนที่ระบุชื่อสิ่งของหรือเอกสารที่ส่งไปพร้อมกับจดหมายฉบับนั้น
12. อักษรย่อชื่อผู้ลงนามและผู้พิมพ์ เป็นส่วนที่ระบุอักษรย่อชื่อและนามสกุลของผู้ลงนามและผู้พิมพ์นิยมใช้กับจดหมายธุรกิจแบบต่างประเทศ
วิธีการเขียนจดหมายธุรกิจ
ขั้นตอนก่อนการเขียน
1) พิจารณาดูว่าผู้รับเป็นใคร ตําแหน่งใด
2) กําหนดคําขึ้นต้น คําลงท้ายให้เหมาะสมกับผู้รับจดหมาย
๓3 กําหนดรูปแบบของจดหมายเสียก่อนว่าควรใช้ลักษณะอย่างไร ควรมีเนื้อความที่ตอนเนื้อความแต่ละตอนควรกล่าวถึงอะไรบ้าง
4) เตรียมการเขียนร่างข้อความลงในกระดาษก่อน
ขั้นตอนลงมือเขียน
1) เขียนตามรูปแบบที่เตรียมไว้ให้ครบถ้วนตามส่วนประกอบของจดหมาย
2) ระบุวัตถุประสงค์ลงไปให้ชัดเจนแน่นอน เช่น ขอสั่งซื้อสินค้า ขอชี้แจงหรือแจ้งข่าว
3) เลือกสรรถ้อยคําให้ตรงตามความหมายที่ต้องการ สะกดคําได้ถูกต้องตามอักขรวิธี ใช้ถ้อยคํา
สํานวนให้เหมาะสมแก่สถานภาพของผู้รับจดหมาย
4) เขียนสื่อสารกันให้ตรงประเด็นและได้สาระครบถ้วนความถูกต้องตามต้องการ
5) ใช้ข้อความปิดท้ายที่เหมาะสม ก่อให้เกิดความรู้สึกประทับใจ
6) ลงลายมือชื่อทุกครั้งที่จบจดหมาย พร้อมทั้งบอกตําแหน่งด้วย
ขั้นตอนหลังการเขียน
1) ควรตรวจทานจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วนั้นซ้ําอีกครั้งหนึ่งว่าไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ แล้ว
2) พิมพ์ข้อความจดหมายตามที่ร่างไว้ โดยคํานึงถึงความสะอาดเรียบร้อยและไม่ผิดพลาด
3) เลือกใช้ซองสีสุภาพหรือใช้ซองแบบหน้าต่างซึ่งดูสวยงามและประหยัดเวลาในการเขียนจ่าหน้าซองด้วย
นายสุชาครีย์ สวัสดิพันธ์
1.คือข้อความที่เขียนขึ้นเพื่อส่งสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง อาจมีความหมายรวมไปถึงกระดาษหรือสื่อที่ใช้เขียนหรือสร้างจดหมายนั้น
2. มีดังนี้
1. ด้านการประหยัด เป็นการประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อด้วยตนเอง
2. ด้านความสะดวกและรวดเร็ว เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ติดต่อ ในกรณีที่ผู้ที่ต้องการติดต่อธุรกิจด้วยมีงานมากหรืออยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง จึงไม่สะดวก ที่จะโทรศัพท์ติดต่อหรือขอเข้าพบด้วยตนเอง
3. ด้านการให้รายละเอียดข้อมูล เป็นการเอื้อต่อการสื่อข้อความ สามารถให้รายละเอียดข้อมูลได้มาก ชัดเจน และมีระบบ เพราะผู้เขียนมีเวลาเตรียมการเขียนก่อนลงมือเขียนอีกทั้งยังสามารถตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งก่อนส่งไปยังผู้รับจดหมาย
4. ด้านการใช้เป็นหลักฐานในการอ้างอิง ค้นเรื่อง และที่สำคัญที่สุดคือเป็นหลักฐานทางกฎหมาย เนื่องจากเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน
5. ด้านการเป็นสื่อสัมพันธ์ที่ดีในการติดต่อธุรกิจ เป็นการส่งเสริมให้มีความสัมพันธ์ที่ดีและการติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ในการติดต่อธุรกิจซื้อขาย บางครั้งลูกค้า อาจขาดการติดต่อไป บริษัทจำเป็นต้องมีจดหมายไปถึงลูกค้าเพื่อขอทราบสาเหตุที่แท้จริงพร้อมทั้งแสดงความพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาหรือเสนอบริการพิเศษต่าง ๆเพื่อจูงใจให้ลูกค้ากลับมาติดต่อสั่งซื้อสินค้าหรือบริการจากบริษัทอีก
3.มีดังนี้
1. ที่อยู่ผู้ส่ง ชื่อและที่ตั้งของบริษัท ห้างร้าน นิยมใช้กระดาษพิมพ์หัวจดหมายสําเร็จรูป
2. เลขที่จดหมาย โดยมากมักปรากฏในประเภทของจดหมายไทยแบบราชการ
3. วัน เดือน ปี ให้ระบุวันเดือนปีที่เขียนจดหมาย
4. ที่อยู่ผู้รับ ให้เขียนชื่อบริษัท ห้างร้าน พร้อมทั้งที่อยู่ของผู้รับ
5. เรื่อง ให้ระบุเรื่องหรือสาระสําคัญสั้น ๆ ของจดหมายฉบับนั้น
6. คําขึ้นต้น เป็นการทักทายเริ่มต้นจดหมาย จดหมายธุรกิจทั่วไปนิยมใช้ “เรียน”
7.เนื้อหา จะแบ่งเนื้อหาออกเป็นตอน ๆ เพื่อให้เข้าใจง่าย อาจมีมากกว่าหนึ่งย่อหน้าก็ได้
8.คำลงท้าย เป็นการอําลาผู้อ่าน โดยทั่วไปนิยมใช้คําว่า “ ขอแสดงความนับถือ
9. ลายมือชื่อ เป็นการลงลายมือชื่อเจ้าของจดหมาย
10. ชื่อเต็ม ให้ระบุชื่อเต็มของเจ้าของลายมือชื่อ ได้แก่ ชื่อ นามสกุลและคํานําหน้าบอกสถานภาพ ตลอดจนตําแหน่ง
11. ถึงที่ส่งมาด้วย เป็นส่วนที่ระบุชื่อสิ่งของหรือเอกสารที่ส่งไปพร้อมกับจดหมายฉบับนั้น
12. อักษรย่อชื่อผู้ลงนามและผู้พิมพ์ เป็นส่วนที่ระบุอักษรย่อชื่อและนามสกุลของผู้ลงนามและผู้พิมพ์นิยมใช้กับจดหมายธุรกิจแบบต่างประเทศ
วิธีการเขียนจดหมายธุรกิจ
ขั้นตอนก่อนการเขียน
1) พิจารณาดูว่าผู้รับเป็นใคร ตําแหน่งใด
2) กําหนดคําขึ้นต้น คําลงท้ายให้เหมาะสมกับผู้รับจดหมาย
๓3 กําหนดรูปแบบของจดหมายเสียก่อนว่าควรใช้ลักษณะอย่างไร ควรมีเนื้อความที่ตอนเนื้อความแต่ละตอนควรกล่าวถึงอะไรบ้าง
4) เตรียมการเขียนร่างข้อความลงในกระดาษก่อน
ขั้นตอนลงมือเขียน
1) เขียนตามรูปแบบที่เตรียมไว้ให้ครบถ้วนตามส่วนประกอบของจดหมาย
2) ระบุวัตถุประสงค์ลงไปให้ชัดเจนแน่นอน เช่น ขอสั่งซื้อสินค้า ขอชี้แจงหรือแจ้งข่าว
3) เลือกสรรถ้อยคําให้ตรงตามความหมายที่ต้องการ สะกดคําได้ถูกต้องตามอักขรวิธี ใช้ถ้อยคํา
สํานวนให้เหมาะสมแก่สถานภาพของผู้รับจดหมาย
4) เขียนสื่อสารกันให้ตรงประเด็นและได้สาระครบถ้วนความถูกต้องตามต้องการ
5) ใช้ข้อความปิดท้ายที่เหมาะสม ก่อให้เกิดความรู้สึกประทับใจ
6) ลงลายมือชื่อทุกครั้งที่จบจดหมาย พร้อมทั้งบอกตําแหน่งด้วย
ขั้นตอนหลังการเขียน
1) ควรตรวจทานจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วนั้นซ้ําอีกครั้งหนึ่งว่าไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ แล้ว
2) พิมพ์ข้อความจดหมายตามที่ร่างไว้ โดยคํานึงถึงความสะอาดเรียบร้อยและไม่ผิดพลาด
3) เลือกใช้ซองสีสุภาพหรือใช้ซองแบบหน้าต่างซึ่งดูสวยงามและประหยัดเวลาในการเขียนจ่าหน้าซองด้วย
นางสาว พลอยพิไล คงคานนท์
1.จดหมาย คือข้อความที่เขียนขึ้นเพื่อส่งสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง อาจมีความหมายรวมไปถึงกระดาษหรือสื่อที่ใช้เขียนหรือสร้างจดหมายนั้น
2.ความสะดวกและรวดเร็ว เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ติดต่อ ในกรณีที่ผู้ที่ต้องการติดต่อธุรกิจด้วยมีงานมากหรืออยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง จึงไม่สะดวก ที่จะโทรศัพท์ติดต่อหรือขอเข้าพบด้วยตนเอง
3.๑. ที่อยู่ผู้ส่ง ชื่อและที่ตั้งของบริษัท ห้างร้าน นิยมใช้กระดาษพิมพ์หัวจดหมายสําเร็จรูป
๒. เลขที่จดหมาย โดยมากมักปรากฏในประเภทของจดหมายไทยแบบราชการ
๓. วัน เดือน ปี ให้ระบุวันเดือนปีที่เขียนจดหมาย
๔. ที่อยู่ผู้รับ ให้เขียนชื่อบริษัท ห้างร้าน พร้อมทั้งที่อยู่ของผู้รับ
๕. เรื่อง ให้ระบุเรื่องหรือสาระสําคัญสั้น ๆ ของจดหมายฉบับนั้น
๖. คําขึ้นต้น เป็นการทักทายเริ่มต้นจดหมาย จดหมายธุรกิจทั่วไปนิยมใช้ “เรียน”
๗.เนื้อหา จะแบ่งเนื้อหาออกเป็นตอน ๆ เพื่อให้เข้าใจง่าย อาจมีมากกว่าหนึ่งย่อหน้าก็ได้
๘.คำลงท้าย เป็นการอําลาผู้อ่าน โดยทั่วไปนิยมใช้คําว่า “ ขอแสดงความนับถือ
๙. ลายมือชื่อ เป็นการลงลายมือชื่อเจ้าของจดหมาย
๑๐. ชื่อเต็ม ให้ระบุชื่อเต็มของเจ้าของลายมือชื่อ ได้แก่ ชื่อ นามสกุลและคํานําหน้าบอกสถานภาพ ตลอดจนตําแหน่ง
๑๑. ถึงที่ส่งมาด้วย เป็นส่วนที่ระบุชื่อสิ่งของหรือเอกสารที่ส่งไปพร้อมกับจดหมายฉบับนั้น
๑๒. อักษรย่อชื่อผู้ลงนามและผู้พิมพ์ เป็นส่วนที่ระบุอักษรย่อชื่อและนามสกุลของผู้ลงนามและผู้พิมพ์นิยมใช้กับจดหมายธุรกิจแบบต่างประเทศ
ขั้นตอนการเขียน
๑. ขั้นตอนก่อนการเขียน
๑) พิจารณาดูว่าผู้รับเป็นใคร ตําแหน่งใด
๒) กําหนดคําขึ้นต้น คําลงท้ายให้เหมาะสมกับผู้รับจดหมาย
๓) กําหนดรูปแบบของจดหมายเสียก่อนว่าควรใช้ลักษณะอย่างไร ควรมีเนื้อความที่ตอนเนื้อความแต่ละตอนควรกล่าวถึงอะไรบ้าง
๔) เตรียมการเขียนร่างข้อความลงในกระดาษก่อน
๒. ขั้นตอนลงมือเขียน
๑) เขียนตามรูปแบบที่เตรียมไว้ให้ครบถ้วนตามส่วนประกอบของจดหมาย
๒) ระบุวัตถุประสงค์ลงไปให้ชัดเจนแน่นอน เช่น ขอสั่งซื้อสินค้า ขอชี้แจงหรือแจ้งข่าว
๓) เลือกสรรถ้อยคําให้ตรงตามความหมายที่ต้องการ สะกดคําได้ถูกต้องตามอักขรวิธี ใช้ถ้อยคํา
สํานวนให้เหมาะสมแก่สถานภาพของผู้รับจดหมาย
๔) เขียนสื่อสารกันให้ตรงประเด็นและได้สาระครบถ้วนความถูกต้องตามต้องการ
๕) ใช้ข้อความปิดท้ายที่เหมาะสม ก่อให้เกิดความรู้สึกประทับใจ
๖) ลงลายมือชื่อทุกครั้งที่จบจดหมาย พร้อมทั้งบอกตําแหน่งด้วย
๓. ขั้นตอนหลังการเขียน
๑) ควรตรวจทานจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วนั้นซ้ําอีกครั้งหนึ่งว่าไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ แล้ว
๒) พิมพ์ข้อความจดหมายตามที่ร่างไว้ โดยคํานึงถึงความสะอาดเรียบร้อยและไม่ผิดพลาด
๓) เลือกใช้ซองสีสุภาพหรือใช้ซองแบบหน้าต่างซึ่งดูสวยงามและประหยัดเวลาในการเขียนจ่าหน้าซองด้วย